เอกสารวิชาการ วิจัย บทเรียน เพื่อการเผยแพร่

โรงเรียนเทิงวิทยาคม จังหวัดเชียงราย.


นางสาวอัมรา ใจติ๊บ

ผู้เผยแพร่ผลงาน

เรื่อง : การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การชนใน 1 มิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทิงวิทยาคม โดยใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหารายวิชาฟิสิกส์ เรื่อง การชนใน 1 มิติ ภาคเรียนที่ 2 ปีการ

เริ่มเผยแพร่ : 5/09/2565

สถิติผู้เยี่ยมชม 485 คน

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ ชื่อเรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การชนใน 1 มิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทิงวิทยาคม โดยใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหารายวิชาฟิสิกส์ เรื่อง การชนใน 1 มิติ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ผู้วิจัย อัมรา ใจติ๊บ สาขาวิชา ฟิสิกส์ ปีการศึกษา 2564 การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ในการวิจัยครั้งนี้ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการชนใน 1 มิติของผู้เรียน ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหารายวิชาฟิสิกส์ 2) เพื่อพัฒนาแบบฝึก ทักษะการแก้โจทย์ปัญหารายวิชาฟิสิกส์ เรื่อง การชนใน 1 มิติชน ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 70/703) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนต่อแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหารายวิชาฟิสิกส์ เรื่อง การชนใน 1 มิติชน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 และ 4/11 โรงเรียนเทิงวิทยาคม อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จํานวน 2 ห้อง รวม 63 คน ซึ่งได้มาจากการ เลือกแบบเจาะจง (purposive sampling) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( (X ) ̅) ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (SD) ค่า IOC ค่าความยากง่าย อำานาจจําแนก ค่าความเชื่อมั่น และการทดสอบค่าที (t-test dependent) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหารายวิชาฟิสิกส์ เรื่อง การชนใน 1 มิติ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศีกษา 2564 ก่อน เรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 4/11 มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 9.08 คิดเป็นร้อยละ 45.40 และหลัง เรียนมีคะแนนเฉลี่ย 17.18 คิดเป็นร้อยละ 85.88 ซึ่งเมื่อทดสอบสมมติฐานพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การชนใน 1 มิติของผู้เรียน หลังการใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหารายวิชาฟิสิกส์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 4/11 หลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 70 มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 17.18 คิดเป็นร้อยละ 85.88 ซึ่งเมื่อทดสอบสมมติฐาน พบว่า คะแนนของผู้เรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหารายวิชาฟิสิกส์ เรื่อง การ ชนใน 1 มิติขน มีความก้าวหน้าทางการเรียนเฉลี่ยสูงขึ้น กว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 1 สอดคล้องกับจิตวิทยาและพัฒนาการของผู้เรียน มีกำหนดจุดหมายที่จะฝึก เนื้อหาตรงกับ จุดหมายที่วางไว้ คำนึงถึงความแตกต่างของผู้เรียน และแบบฝึกมีหลายรูปแบบ ทำให้ผู้เรียน เกิดทักษะความชำนาญและผู้เรียนได้รับการฝึกหลาย ๆ ครั้งหลายรูปแบบ เมื่อผู้เรียนได้รับการฝึกแล้ว ผู้เรียน จะสามารถพัฒนาตนเองอุษณีย์ เสือจันทร์ (2553, น.17-18) ได้กล่าวว่า แบบฝึกช่วยในการฝึกเสริมทักษะทำ ให้จดจำเนื้อหาได้คงทนมีเจตคติที่ดีต่อวิชาที่เรียน สามารถ นำมาแก้ปัญหาเป็นรายบุคคลและรายกลุ่มได้ดี ผู้เรียนสามารถนำมาทบทวนเนื้อได้ด้วยตนเอง ทำให้ผู้เรียนทราบความก้าวหน้าของตนเอง เป็นเครื่องมือที่ ครูผู้สอนใช้ประเมินผลการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีว่านักเรียนเข้าใจมากน้อยเพียงใด

Not Found : ไม่มีเอกสารประกอบ

Copyright © 2008 TWk. All Rights Reserved.
Powered by นายโยธิน ศิริเอ้ย
Tel : 08-9825-8225  Fax : 053-795475  Email: yotin.sir@thoengwit.ac.th